ประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรี เข้าพบกับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างองค์ประกอบของพลังอำนาจ เกียรติและศักดิ์ศรีของชาติ พร้อมทั้งท่านถือว่า ปัญหาค่าครองชีพของประชาชน คือ หนึ่งในปัญหาที่สำคัญที่สุดของประเทศ และท่านยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงการดำเนินมาตรการที่จริงจังยิ่งขึ้นเพื่อสร้างระเบียบวินัยในตลาด และคลายความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการขึ้นราคาสินค้าอย่างไร้ระเบียบ
ท่านผู้นำยังได้กล่าวถึงความจำเป็นในการเอาชนะเหนือบรรยากาศแบบไม่ใช่สงคราม ไม่ใช่สันติภาพ ด้วยการสร้างบรรยากาศของการทำงาน ความพยายาม และความหวัง รวมทั้งการสนับสนุนการผลิต การติดตามผลการตัดสินใจ จนเกิดผลลัพธ์ การใช้ประโยชน์จากโอกาสของการสร้างฉันทามติในประเทศเพื่อดำเนินภารกิจที่สำคัญ การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย การหลีกเลี่ยงจากความฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะในหน่วยงานของรัฐ และการให้ความสำคัญกับนักการเมือง นักเขียน และผู้สื่อสารมวลชนในการอธิบายจุดแข็งที่แท้จริงและการสร้างความหวังให้แก่ประเทศและสังคม
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงอาชญากรรมอันน่าสะพรึงกลัวของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในฉนวนกาซ่า และท่านถือว่า วิธีการรับมือกับสถานการณ์นี้ คือ การที่ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศชาติมุสลิม ควรตัดความสัมพันธ์ทางการค้าและการทูตกับระบอบรัฐเถื่อนนี้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวขอบคุณต่อ พณฯประธานาธิบดี บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ ผู้บริหาร และพนักงานของรัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานที่ได้เสียสละอย่างแท้จริงในสงคราม 12 วันที่ผ่านมา และท่านผู้นำได้กล่าวชื่นชมการมีแรงจูงใจ กำลังใจ และความขยันหมั่นเพียรของพณฯประธานาธิบดี พร้อมทั้งท่านกล่าวเสริมว่า “การเดินทางเยือนจีนของ พณฯ เพเซชกียอน เป็นการเดินทางที่เกิดผลลัพท์ที่มีประโยชน์และนำมาซึ่งโอกาสทางเศรษฐกิจและการเมืองที่จะต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่องต่อไป”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ซึ่งพูดคุยกับประชาชนและนักเขียนและสื่อมวลชนโดยเน้นย้ำถึงการรายงานด้วยพลัง ความเข้มแข็ง และการอธิบายถึงศักยภาพอย่างมากมายของประเทศ และการหลีกเลี่ยงจากการรายงานที่อ่อนแอและไร้ความสามารถ พร้อมทั้งท่านกล่าวเสริมว่า “นอกเหนือจากบรรดาเจ้าหน้าที่ บรรดานักเขียนและสื่อมวลชน สื่อสิ่งพิมพ์และองค์กรวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ก็มีหน้าที่นี้ด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สุนทรพจน์ของพณฯ ประธานาธิบดีในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างของการรายงานในเชิงพลัง ความหวัง และความสามารถ โดยท่านกล่าวว่า “แรงจูงใจ ความอุตสาหะ และการมีกำลังใจที่เข้มแข็ง เป็นปัจจัยที่ปูทางไปสู่การบรรลุสู่ความปรารถนาและเป้าหมาย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นว่า มีความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากทุกชั่วโมงของโอกาสอันสั้นในการรับใช้ประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หากเราเห็นคุณค่าของโอกาสในการรับใช้ และหลีกเลี่ยงจากความเกียจคร้าน การทำงานซ้ำซ้อน และไม่หมกมุ่นกับเรื่องต่างๆ ปัญหาทั้งหลายก็จะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงระยะยาว แต่แม้แต่ในระยะกลาง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การดำเนินมาตรการที่จริงจังยิ่งขึ้นในด้านเศรษฐกิจและปัญหาค่าครองชีพของประชาชน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และท่านไดเน้นย้ำว่า “การแก้ปัญหาต่างๆไม่ควรที่จะรอการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก แน่นอนว่า แต่ละบุคคลนั้นมีหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองที่จะต้องกระทำ แต่สิ่งที่สำคัญคือ การมีแรงจูงใจ ความอุตสาหะ ความหวัง และกำลังใจในการทำงานและความเพียรพยายาม เพื่อเอาชนะเหนือสภาพ ที่ไม่ใช่สงคราม ไม่ใช่สันติภาพ ซึ่งศัตรูพยายามจะยัดเยียดให้ เพราะว่า สภาพเช่นนี้ถือเป็นอันตราย และก่อความเสียหายให้แก่ประเทศ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเสริมสร้างองค์ประกอบของพลังแห่งชาติ เกียรติและศักดิ์ศรีของชาติ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด คือ กำลังใจ แรงจูงใจ ความเป็นเอกภาพ และการมีความหวังของประชาชน ซึ่งจะต้องสร้างและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งในคำพูดและทางการปฏิบัติ อีกทั้งจะต้องป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้ถูกทำให้เสื่อมถอย”
อีกคำแนะนำประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อคณะรัฐมนตรี คือ การให้ความสำคัญกับการจัดลำดับความสำคัญของการงานอย่างถูกต้อง โดยท่านกล่าวว่า “การกำหนดลำดับความสำคัญ เป็นหนึ่งในหลักการที่สำคัญของการบริหารจัดการ ซึ่งในประเด็นนี้ จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงสองปัจจัย คือ ความเร่งด่วน และการเป็นรากฐานที่สำคัญของปัญหาต่างๆ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวขอบคุณ พณฯ อาริฟ รองประธานาธิบดีที่หนึ่ง สำหรับความกระตือรือร้น ความเพียรพยายาม และการจัดประชุมเพื่อติดตามมติของรัฐบาล พร้อมทั้งท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “รัฐบาลนั้นมีหน้าที่ในการตอบสนองความต้องการพื้นฐานและร่วมกันของประชาชน เช่น ปัญหาค่าครองชีพ ความมั่นคง สุขภาพ วัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการกำหนดลำดับความสำคัญและหัวข้อหลักในด้านเหล่านี้อย่างรอบคอบ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า การบรรลุสู่เป้าหมาย หลักคำสอน และบทบัญญัติของอิสลาม คือ รากฐานของการจัดตั้งรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “ตั้งแต่วันแรก ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.)ได้วางหลักการนี้ไว้แล้ว หากผู้ใดพูดเป็นอย่างอื่น นั่นถือว่า มีความขัดแย้งกับสิ่งที่ท่านอิมามได้กล่าวไว้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า การติดตามผลการตัดสินใจจนบรรลุผลลัพธ์ เป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุด โดยท่านกล่าวว่า พณฯ ประธานาธิบดีได้ติดตามเรื่องนี้ผ่านการสัญจรไปตามจังหวัดต่าง ๆ การเข้าเยี่ยมกระทรวง และการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับประชาชนและผู้บริหาร แต่จำเป็นที่กำลังใจนี้จะมีอยู่ในหน่วยงานระดับกลางและผู้บริหารด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ในการตัดสินใจที่ค่อยๆ เลือนหายไปตามลำดับชั้นของการบริหารจัดการ และเมื่อไปถึงระดับการปฏิบัติจริง กลับไม่หลงเหลืออะไรจากการตัดสินใจเหล่านั้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้แสดงความพึงพอใจต่อความเป็นไปได้ในการสร้างฉันทามติในประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความสามัคคี ความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันของบรรดาผู้นำทั้งสามสภานั้น น่ายกย่องอย่างยิ่ง แต่หน่วยงานที่มีบทบาทในการกำหนดและการตัดสินใจก็จะต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า โอกาสจากการสร้างฉันทามติของประเทศในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีความแตกต่างของแนวคิด ก็มีมากกว่าที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “ควรใช้โอกาสนี้เพื่อการปฏิบัติภารกิจที่สำคัญ เช่น การทำให้โครงสร้างของรัฐบาลเบาบางลง และการลดจำนวนหน่วยงานจะมีอยู่หรือไม่มีก็ไม่มีความแตกต่างกัน”
คำแนะนำหลายประการที่เกี่ยวกับปัญหาสำคัญของประเทศ กล่าวคือ เศรษฐกิจ เป็นส่วนเสริมจากคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการพบปะกับ พณฯ ประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรี”
คำแนะนำประการแรกของท่านผู้นำ คือ การให้ความสำคัญกับการผลิตและการฟื้นฟูหน่วยการผลิต
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “ทุกคนที่เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม ต่างเห็นพ้องว่า การผลิตคือ กุญแจสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของอิหร่าน ด้วยเหตุนี้เอง จึงจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการผลิต รวมถึงการไม่ตัดไฟฟ้าของหน่วยงานเหล่านี้ เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉิน”
อีกคำแนะนำประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดที่มีต่อเจ้าหน้าที่บริหาร คือ การจัดหาสินค้าที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและตรงต่อเวลา
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “คลังสินค้า จำเป็นที่จะต้องมีความมั่นใจได้เต็มที่ การดำเนินการนี้ โดยการกำจัดราคาที่แพงจากการแสวงหาผลประโยชน์ของผู้แสวงหากำไร จะส่งผลโดยตรงต่อสำรับอาหารของประชาชน และยังช่วยขจัดภัยคุกคามทางด้านอาหารอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์การผูกขาดการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นบางประเภท ถือว่า การกระทำเช่นนี้ จะทำให้มือของเจ้าหน้าที่ถูกมัด โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การนำเข้าสินค้าที่จำเป็นและผู้รับผิดชอบ ควรเปิดการแข่งขันและการจัดหาสินค้าจากแหล่งต่างๆ เพราะว่า ตามที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนพูดว่า การดำเนินการเช่นนี้ จะช่วยลดราคาซื้อ เป็นเงินตราต่างประเทศและราคาตามสกุลเงินท้องถิ่นในประเทศได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงปัญหาสำคัญเรื่องค่าครองชีพของประชาชนอีกครั้ง โดยท่านกล่าวว่า “ในประเด็นค่าครองชีพของประชาชน จะต้องดำเนินการให้ประชาชนสามารถที่จะซื้อสินค้าที่จำเป็นประมาณสิบรายการได้ โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องราคาที่สูงขึ้น ไม่ใช่ให้ราคาสูงขึ้นเป็นสองเท่าในวันต่อมา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การใช้บัตรสินค้า ตามที่ผู้รู้เรื่องเศรษฐกิจบางคนแนะนำว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าจำเป็นทั้งสิบรายการได้โดยไม่ต้องกังวล
อีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำ กล่าวคือ การมีระเบียบวินัยในตลาด โดยท่านกล่าวว่า “จะต้องมีการบริหารจัดการตลาดให้ประชาชน ไม่รู้สึกว่า ตลาดถูกปล่อยปละละเลย และราคาสินค้าไม่ควรจะต่างกันระหว่าง วันนี้กับวันพรุ่งนี้ หรือที่นี่กับที่นั่น เพราะว่าความรู้สึกเช่นนี้ จะส่งผลเสียต่อจิตใจของประชาชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้ความสำคัญกับการสำรองก๊าซสำหรับฤดูหนาว และ การวางแผนจัดหาก๊าซที่ขาดผ่านการนำเข้า เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “การให้ความใส่ใจในปัญหาที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ซึ่งมีข้อเสนอสำหรับการแก้ไขปัญหาในระดับหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่จะต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้ผลลัพธ์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่ทำให้การผลิตน้ำมันลดลง เช่น วิธีการและอุปกรณ์ที่ล้าสมัย โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “จะต้องใช้ความรู้ของบัณฑิตรุ่นใหม่ในการแก้ไขปัญหาและการปรับปรุงการผลิตและการสกัดน้ำมัน นอกจากนี้ ในด้านการส่งออกน้ำมัน จำเป็นที่จะต้องมีความเคลื่อนไหวที่มากขึ้น และจะต้องทำให้ฐานลูกค้าน้ำมันมีความหลากหลายและมากยิ่งขึ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การควบคุมการบริโภคและการหลีกเลี่ยงจากความฟุ่มเฟือย เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งท่านได้ชี้ให้เห็นว่า มีการสิ้นเปลืองทรัพยากรของประเทศจำนวนมากในภาครัฐ โดยท่านกล่าวว่า เช่น น้ำ ไฟฟ้า ก๊าซ และอาคารของรัฐ รวมถึงการเดินทางที่ไม่จำเป็น หรือการมีผู้ติดตามที่เกินความจำเป็น หรือการพำนักในโรงแรมหรูที่เกินความจำเป็น ซึ่งเป็นความฟุ่มเฟือยที่จะต้องหลีกเลี่ยง”
ในช่วงท้ายของคำปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงอาชญากรรมและความหายนะอันน่าตกตะลึงของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่พวกเหล่านี้ประกาศอย่างไม่ละอายและไร้ยางอาย พร้อมทั้งท่านเน้นย้ำว่า “แม้ว่า อาชญากรรมเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนจากเหล่ามหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีหนทางในการรับมือ และประเทศที่คัดค้าน โดยเฉพาะประเทศชาติมุสลิม ควรที่จะตัดความสัมพันธ์ทางการค้าและแม้แต่ทางการเมืองกับระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์อย่างสิ้นเชิง เพื่อที่ทำให้พวกเหล่านี้ถูกโดดเดี่ยว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ คือ ระบอบที่โดดเดี่ยวที่สุดและน่ารังเกียจที่สุดในโลก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในแนวทางสำคัญของนโยบายด้านต่างประเทศของเรา คือ การกระตุ้นให้รัฐบาลต่างๆ ตัดความสัมพันธ์ทางการค้าและการเมืองกับระบอบรัฐเถื่อนอาชญากรนี้
ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ พณฯ ประธานาธิบดีได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับแบบแผนและการขับเคลื่อนที่สำคัญของรัฐบาลตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยระบุถึงปัญหาต่างๆ เช่น ความไม่สมดุลทางด้านพลังงาน ปัญหาภัยแล้ง และปัญหาด้านต่างประเทศบางประการ ถือเป็นความท้าทายในปีแรกของรัฐบาลสมัยที่สิบสี่ โดยเขากล่าวว่า “ด้วยผลกระทบโดยตรงของพลังงานต่อการผลิต เราได้พยายามในการแก้ไขปัญหาด้ารพลังงานอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แน่นอนว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่สามารถที่จะชดเชยความไม่สมดุลได้ทั้งหมด และเราต้องขออภัยประชาชนและผู้ผลิตสำหรับการตัดไฟฟ้าและก๊าซที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
ดร. เพเซชกียอน ถือว่า แบบแผนของกระทรวงพลังงานในการลดการใช้ไฟฟ้าในปีนี้นั้น มีประสิทธิภาพ โดย พณฯประธานาธิบดีกล่าวเสริมว่า “ในด้านน้ำ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า จะเกิดภัยแล้งจะต่อเนื่อง ทีมผู้เชี่ยวชาญจากคณาจารย์ชั้นนำได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้”
พณฯ ประธานาธิบดี ยังกล่าวถึงแบบแผนของรัฐบาลในการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ 7,000 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปี โดยเขากล่าวเสริมว่า “ในด้านสำรองเชื้อเพลิง ปีนี้มีปริมาณสำรองเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 พันล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้ฤดูหนาวนี้ต้องเผชิญปัญหาน้อยกว่าปีที่ผ่านมา”
พณฯ เพเซชกียอน ถือว่า การยกระดับความสามัคคีแห่งชาติ เป็นหนึ่งในวาระที่สำคัญของรัฐบาล โดยท่านประธานาธิบดีกล่าวเสริมว่า “หากว่า ทุกคนเป็นเอกภาพกัน ไม่มีอำนาจใดที่จะสามารถทำให้อิหร่านยอมจำนนได้ และเช่นเดียวกัน ในสงครามที่รุกรานครั้งล่าสุด ความสามัคคีของประชาชนได้ทำให้ศัตรูหมดหวัง ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน เราจะสามารถเอาชนะเหนือปัญหาทั้งหมดได้”
พณฯ ประธานาธิบดี ยังประกาศว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจและการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ เป็นลำดับความสำคัญอีกประการของรัฐบาลโดยเขากล่าวเสริมว่า “การขยายรัฐบาลและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจในการร่วมมือกับรัฐสภาและหน่วยงานอื่นๆ เพื่อปรับโครงสร้างของการบริหารจัดการ โดยทำให้รัฐบาลมีขนาดเล็กและคล่องตัวมากขึ้น อีกทั้งการปรับโครงสร้างงบประมาณเพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปตามผลการปฏิบัติงาน แน่นอนว่า หนึ่งในปัจจัยของอัตราเงินเฟ้อ คือ ปัญหาระบบธนาคาร ซึ่งธนาคารกลางควรมีหน้าที่ในการกำกับดูแลและการควบคุม”
พณฯ เพเซชกียอน ถือว่า การขยายความยุติธรรมทางการศึกษา เป็นอีกวาระที่สำคัญประการหนึ่งของรัฐบาล พร้อมทั้งเขาได้ชี้ให้เห็นว่า ในปีการศึกษาใหม่นี้ มีการเปิดใช้งานโรงเรียนใหม่ 2,400 แห่ง และรัฐบาลได้ดำเนินโครงการสร้างโรงเรียนครั้งใหญ่โดยใช้รูปแบบเน้นชุมชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน
พณฯ ประธานาธิบดี ถือว่า การจัดสรรบัตรสินค้าให้แก่ประชาชนใน 7 กลุ่มรายได้ เป็นหนึ่งในมาตรการของรัฐบาลเพื่อเพิ่มสวัสดิการทางสังคมและการลดค่าใช้จ่ายปากท้องของประชาชน โดยเขากล่าวว่า “รัฐบาลตั้งใจที่จะมอบบัตรสินค้าให้ประชาชนทุกเดือน”
พณฯ เพเซชกียอน ถือว่า การติดตามโครงการแพทย์ครอบครัวและระบบการส่งต่อผู้ป่วย เป็นลำดับความสำคัญอีกประการของรัฐบาลในด้านสาธารณสุข และเขาได้กล่าวยกย่องบทบาทและการให้บริการอันน่าชื่นชมของบุคลากรด้านสาธารณสุขในสงครามที่รุกรานครั้งล่าสุด เป็นแบบแผนงานของรัฐบาลในด้านการทูต หมายถึง การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขากล่าวว่า “การมีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในด้านต่างๆนั้น ดีกว่าที่ผ่านมา และด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือเหล่านี้ การคาดคิดของยุโรปและอเมริกาในการหยุดยั้งเราด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตร จะไม่เกิดผลแต่อย่างใด”
พณฯ เพเซชกียอน ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการบันทึกความเข้าใจและข้อตกลงสำคัญของสาธารณรัฐอิสลามกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อิรัก ตุรกี และประเทศในยูเรเชีย โดยเขากล่าวเสริมว่า “ทั้งสองฝ่าย มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สิ่งที่ได้ลงนามไว้บนเอกสาร ถูกนำไปปฏิบัติจริง”
พณฯ ประธานาธิบดี ถือว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเน้นย้ำถึงการสร้างและเสร็จสมบูรณ์ของทางลำเลียงหลัก ท่าเรือ และทางหลวงพิเศษ พร้อมทั้งเขาได้เน้นย้ำให้เห็นถึงการสร้างทางรถไฟจากเมืองซาเฮดานไปยังชาบาฮาร ให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี โดยเขากล่าวว่า “หนึ่งในความโดดเด่นของสงครามครั้งล่าสุด คือ การขับเคลื่อนที่เข้มข้นของคนขับรถบรรทุกในการขนส่งสินค้าจากท่าเรือต่างๆ”
พณฯ เพเซชกียอน ถือว่า แบบแผนของรัฐบาลในด้านน้ำมันและก๊าซ คือ การเพิ่มการผลิตน้ำมันรายวันอีก 250,000 บาร์เรลในปีนี้ และเขาได้ชี้ให้เห็นว่า มีการเก็บก๊าซฟลาร์มากกว่า 10 ล้านลูกบาศก์เมตรในปีนี้ โดยเขากล่าวเสริมว่า “มีมูลค่าเท่ากับ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรัฐบาลมีแบบแผนที่จะส่งคืนก๊าซฟลาร์ทั้งหมดเข้าสู่ระบบภายใน 1–2 ปีข้างหน้า”
พณฯ ประธานาธิบดี ยังกล่าวว่า “รัฐบาลให้คำมั่นว่า จะพยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และเชื่อว่า ปัญหาทั้งหมดสามารถแก้ไขได้ด้วยการมอบหมายกิจการต่อพระผู้เป็นเจ้า การชี้นำของท่านผู้นำสูงสุด การมีส่วนร่วมและความสามัคคีของประชาชน รวมถึงความเป็นเอกภาพและการประสานงานที่พิเศษในปัจจุบันระหว่างทั้งสามสภาและกองทัพ อีกทั้งเราจะสามารถเอาชนะเหนือปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด”